“เด็กหลังห้อง”
ทุกๆ ปี จะมีหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ให้ทุนการศึกษาสำหรับเด็กที่เรียนดี เรียนเก่ง มีความเป็นเลิศทางวิชาการ มีการจัดการแข่งขันทางด้านวิชาการหลายแขนง ซึ่งนั่นหมายความว่า เป็นเวทีสำหรับเด็กเรียนเก่งที่จะได้มาโชว์ความสามารถแข่งขันกัน ในขณะเดียวกันก็มีเด็กกลุ่มหนึ่งที่เขาไม่เคยมีโอกาสนี้เลย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นเด็กยากจน เป็นเด็กดี มีคุณธรรมจริยธรรม แต่เพียงแค่พวกเขาเป็นเด็กหลังห้อง ที่เรียนไม่เก่ง ไม่ใช่เพราะพวกเขาเกเร นิสัยไม่ดี แต่ด้วยความสามารถทางด้านวิชาการเขาไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้พวกเขากลายเป็นเด็กหลังห้องที่ไม่ค่อยมีหน่วยงานมาส่งเสริมพวกเขา และผู้เขียนก็ยังไม่เคยเห็นมีทุนเด็กเรียนไม่เก่งแต่ยากจน มีแต่เรียนดีแต่ยากจน เลยกลายมาเป็นปมด้อยของพวกเขา ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งพวกเขาถูกละเลยจากสังคมและครูผู้สอน
มีเด็กคนหนึ่งขณะที่ออกรายการทีวี เขาได้ร้องเพลง เพลงหนึ่ง มีท่อนหนึ่งมีใจความว่า “ผมเด็กหลังห้อง บกพร่องปัญญา ไม่อาจจะพัฒนาใคร ๆ ตราหน้าว่าผมเรียนไม่เก่ง ครูชมเพื่อนพ้อง ผมต้องหลบมองตัวเอง โถเรานั้นเรียนไม่เก่ง สงสารตัวเองเห็นใจคุณครู” และมีเนื้อร้องต่ออีกว่า สักวันเขาจะทำให้ได้เพื่อให้ครูและเพื่อนได้ภูมิใจในตัวเขา ฟังแล้วเด็กสื่อถึงอะไร นั่นแสดงให้เห็นว่าเด็กหลังห้องเขาก็มีความฝันของเขาเหมือนกัน เพียงแต่สังคมและครูจะยื่นความฝันนั้นพวกเขาหรือไม่
ชายคนหนึ่งได้มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ แต่ด้วยว่าตัวเขาเองยากจน เรียนไม่เก่ง และไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษ ทำให้เขาสอบได้คะแนนน้อยถึงแม้เขาจะขยันแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยเขาต้องทำงานและเรียนไปด้วยประกอบด้วยไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษา ทำให้เขาได้ “F” ในวิชาหนึ่ง เขาพยายามที่จะอ้อนวอนขอครูผู้สอนมอบหมายงานเพิ่มให้เขา เพื่อที่จะได้คะแนนเพิ่มจะไม่ได้ติด “F” และจะได้กลับบ้านเกิดเพราะทุกคนที่บ้านรอคอยความช่วยเหลือจากเขาอยู่ แต่ครูคนนั้นก็ไม่ให้งานเขาเพิ่มและไม่สนใจเขาในชั้นเรียน ทำให้เขาต้องเสียเวลาเรียนซ้ำอีก 1 ปีเพื่อที่จะจบการศึกษาและกลับมาทำงานที่ประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ปัจจุบันเขาสามารถเป็นเจ้าของโรงเรียนนานาชาติเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง สิ่งที่เขาเพียรบอกกับครูผู้สอนโรงเรียนของเขาอยู่เสมอว่า ครูไม่ควรให้ “F” เด็ก หากเห็นว่าเด็กได้คะแนนน้อย ครูควรหางานหรือมอบหมายงานเพิ่มเพื่อช่วยให้เด็กคนนั้นได้คะแนนเพิ่มขึ้น และครูจะต้องคอยดูแลเด็กให้เท่าเทียมกันและดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพราะเขารู้ดีว่า “F” ส่งผลกระทบต่อเขามากเพียงใด
การศึกษาในปัจจุบันได้แต่พร่ำบอกว่า เราจะลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษา เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่มันจะเป็นไปไม่ได้หากสถานศึกษาและครูผู้สอนไม่เห็นด้วยและไม่ลงมือปฏิบัติช่วยเหลือเด็ก ๆ
ดังนั้นอยากให้หน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนครูผู้สอนได้ตระหนักในส่วนนี้ด้วย โปรดให้โอกาสกับเด็กหลังห้องได้ใช้ความสามารถของเขาที่มีอยู่ โปรดอย่าใส่ปมด้อยให้กับพวกเขา พวกเขาอาจจะเรียนไม่เก่ง นั่นไม่ได้ความว่าเขาไม่มีดีในตัว เขาอาจจะดีอย่างอื่นได้ เพียงแค่ขอให้ครูมองพวกเขาให้ลึกซึ้ง ใส่ใจพวกเขา มองในความแตกต่างระหว่างบุคคล มองให้เห็นว่าทุกคนมีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้ ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทุกคนสามารถเป็นที่หนึ่งได้ในสิ่งที่เขาถนัด พวกเขาอาจมีทักษะอื่น ๆ ที่คนเรียนเก่งไม่มี ทักษะสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าครูค้นพบในตัวพวกเขา ในอนาคตเขาอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติได้ สังคมได้
มุกดา คำวินิจ
โรงเรียนบ้านปลาดาว
25 กุมภาพันธ์ 2563
Related Courses
ทำไมการศึกษาไทยต้องเปลี่ยนแปลง
ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาคงไม่ใช่แค่หน้าที่ของ “ครู” แต่คือผู้ที่มีความเชื่อและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา เพื่อก ...
Student-Centric Strategies
"Student-Centric Strategies" เน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนมี ...
การช่วยเหลือผู้เรียนในกลุ่มเปราะบาง
การศึกษาในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียน ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ และมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีพัฒนาการแบบองค์รวม คือ ให้เป็นคน ...
ชุมชนการเรียนรู้ ชุมชนแห่งการพัฒนา
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้บุคลากรทางการศึกษาได้เรียนรู้แ ...