การเรียนรู้แบบร่วมมือคืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรต่อคุณครูและเด็กๆ
หากพูดถึงหนึ่งในเครื่องมือการเรียนการสอนขวัญใจคุณครูหลายๆ คน เครื่องมืออย่างการเรียนรู้แบบร่วมมือหรือการเรียนรู้เชิงกลุ่มคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือ ที่ผุดขึ้นมาในใจใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพ หรือความสะดวกสบาย ใครๆ ก็ชื่นชอบและอยากใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่มอยู่เสมอ
แต่เอ้ แม้เราจะชอบหรืออยากลองใช้ แต่จริงๆ แล้วที่ผ่านมาเราเข้าใจหรือใช้เครื่องมือนี้อย่างเกิดประโยชน์ที่สุดแล้วหรือยังนะ? ในบทความนี้ Starfish Labz จะชวนคุณครูและผู้อ่านทุกคนมาเรียนรู้การเรียนรู้แบบร่วมมือกันใหม่ เจ้าเครื่องมือนี้คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? และควรใช้อย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มเรียนรู้และหาคำตอบกันเลย
การเรียนรู้แบบร่วมมือคืออะไร?
การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) หรือที่มักเรียกโดยย่อว่า CL คือวิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางรูปแบบหนึ่ง มีแก่นกลางหรือหัวใจสำคัญในการเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกัน ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมหรือแก้ไขปัญหาหนึ่งๆ ร่วมกันในรูปบบกลุ่มจนเกิดความสำเร็จ เกิดเป็นกระบวนการการเรียนรู้ที่มีความหมายร่วมกันหรือมีการพัฒนาทักษะหนึ่งๆ ร่วมกันผ่านกระบวนการดังกล่าว โดยแม้ปกติเราจะคุ้นเคยกับการเรียนรู้แบบร่วมมือในรูปแบบกลุ่ม มองว่าการเรียนรู้แบบร่วมมือต้องอยู่ในลักษณะงานกลุ่มเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว การเรียนรู้แบบร่วมมือยังสามารถแตกแยกย่อยออกเป็นอีกหลากหลายรูปแบบได้มากมาย อาทิ
- Student Teams - Achievement Divisions: เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือสำหรับการนำมาใช้หลังจากที่มีการจัดเรียนการสอนเนื้อหาให้แก่ผู้เรียนเรียนทั้งชั้นไปแล้ว ผู้สอนต้องการให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าร่วมกันภายในทีม สืบเนื่องจากสิ่งที่ครูได้สอนไป
- Team Tournament Game: เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือเชิงกลุ่มในรูปแบบเกม แต่ละทีมแข่งขันการตอบคำถาม เหมาะสำหรับการนำมาใช้ทบทวนหลังเรียนแต่ละบทเรียน
- Learning Together: เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือเชิงการเรียนร่วมกัน มักถูกนำมาใช้สำหรับการค้นหาและอภิปรายเชิงกลุ่ม
- Roundtable: เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือสำหรับนักเรียนมากกว่า 2 คนขึ้นไป โดยชวนนักเรียนทุกคนนั่งรวมกันเป็นวง เขียนความคิดเห็นของตนหรือบอกเล่าประสบการณ์ความรู้หรือสิ่งที่ตนกำลังศึกษาให้เพื่อนคนที่อยู่ถัดไป เวียนไปทางด้านใดด้านหนึ่งเพื่อสนทนา สอบถามและแลกเปลี่ยนจนกว่าจะครบ
ประโยชน์ของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือมีประโยชน์มากมายต่อผู้เรียน อาทิ
- ช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนในการเรียนรู้
- ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียน
- ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนอยากเรียนรู้
- ช่วยพัฒนาความเชื่อมั่นและการแสดงออกของนักเรียน
- ส่งเสริมทักษะการทำงานร่วมกัน
- ทำให้นักเรียนมีวิสัยทัศน์หรือมุมมองกว้างขึ้น
- ช่วยส่งเสริมมทักษะการปรับตัวในสังคมและทักษะความสัมพันธ์
- ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาทักษะแบบเชิงสัมพันธ์หรือการได้รับฟีดแบคจากเพื่อนๆ หรือสมาชิกในกลุ่ม
ใช้งานเครื่องมือการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างไร? 5 เคล็ดลับจาก Starfish Labz
1. ทำความเข้าใจความหมาย แก่นแท้ หรือหลักการที่สำคัญของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
หลายครั้งเราอาจเข้าใจว่าการเรียนรู้แบบร่วมมือหมายถึงการเรียนรู้เชิงกลุ่มเท่านั้น แต่ความหมายของการเรียนรู้แบบร่วมมือจริงๆ แล้วยังหมายถึงรูปแบบหรือเทคนิคการเรียนรู้ที่มากกว่า 1 คนอันหลากหลาย คุณครูสามารถออกแบบออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ เลือกสรรรูปแบบการเรียนรู้เชิงร่วมมือที่ใช่สำหรับชั่วโมงการเรียนหนึ่งๆ
2. ชวนเด็กๆ ทำความเข้าใจคุณประโยชน์ของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ก่อนเริ่มกิจกรรมหรือก่อนการสั่งงาน คุณครูสามารถลองอธิบายหรือชวนเด็กๆ คุยถึงประโยชน์จริงๆ ที่พวกเขาจะได้เกี่ยวกับกิจกรรมนี้ รวมถึงลักษณะการเรียนรู้แบบกลุ่ม เด็กๆ หลายคนอาจมองว่างานกลุ่มเป็นสิ่งน่าเบื่อ การชวนพวกเขาคุยและลองเปลี่ยนมุมมองให้เห็นคุณค่าดีๆ ตั้งแต่แรกเริ่มสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในความอยากเรียนรู้และความสนใจ สามารถช่วยให้เขาอยากเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรมหรือการร่วมมือเรียนรู้กับเพื่อนๆ
3. คิดนอกกรอบ ออกแบบเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือที่ใช่
ดังที่กล่าวข้างต้นว่าเพราะการเรียนรู้แบบร่วมมือไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบงานกลุ่มหรือการนำเสนอเสมอไป แต่ยังสามารถถูกออกแบบให้อยู่ในรูปแบบกิจกรรมใหม่ๆ เช่น การพบปะพูดคุยกันเชิงกลุ่มผ่านแอปฯ ที่น่าสนใจ หรือการลองบูรณาการเทคนิค Active Learning ต่างๆ อื่นๆ เข้ามาใช้งานเพื่อเพิ่มความน่าสนใจของกิจกรรม นอกจากนี้ คุณครูยังสามารถลองตั้งต้นเป้าหมายที่อยากได้มาใช้เป็นฐานในการออกแบบกิจกรรม อาทิ หากต้องการพัฒนาทักษะ Critical Thinking ให้เด็กๆ กิจกรรมเชิงการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เหมาะก็อาจเป็นการสนทนากันแบบโต๊ะ (Roundtable) ซึ่งให้ทั้งความน่าสนใจและโอกาสในการขบคิด ชวนคุยกันอย่างเป็นอิสระระหว่างเด็กๆ หรือหากต้องการให้เด็กๆ เรียนรู้การตอบรับฟีดแบคหรือพัฒนาการเชิงสัมพันธ์ เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างการผลัดกันตรวจระหว่างผู้เรียน (Peer Review) ก็สามารถเป็นอีกหนึ่งเทคนิคอันยอดเยี่ยมเช่นกัน
4. เปิดโอกาสให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรม
เด็กๆ อยากเรียนรู้แบบไหน กิจกรรมกลุ่มแบบใดที่เขาชื่นชอบ คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณครูสามารถใช้เพื่อกระตุ้นความสนใจและการมีส่วนร่วม พวกเขาอยากได้สมาชิกกลุ่มกี่คนและคิดว่าควรจัดกลุ่มแบบไหน ยิ่งเด็กๆ มีโอกาสในการเลือกและออกแบบ ก็ยิ่งสามารถช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จและความสนใจ ลดความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือความรู้สึกว่าต้องทำตามที่คุณครูสั่ง
การเปิดโอกาสให้เด็กๆ ช่วยเลือกลักษณะกิจกรรมยังถือเป็นการเรียนรู้ในเชิง Active Learning ลักษณะหนึ่ง นั่นคือมีการเปิดโอกาสให้พวกเขามีส่วนร่วม เป็นผู้คิดหรือผู้นำในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ
อ้างอิง:
บทความใกล้เคียง
Related Courses
การสอนภาษาไทย (3R)
การสอนภาษาไทยของมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮมได้ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างเป็นระบบเข้าใจง่ ...
คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว
คงจะดีถ้าการอ่านออกเขียนได้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นวัตกรรม3R โรงเรียนบ้านปลาดาว ได้ออกแบบชุดการสอนที่ง่ายและเกิดผล ...
Micro Learning เทคนิคการจัดการเรียนการสอน 1
คุณภาพของผู้เรียนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง แล้วกระบวนการเรียนการสอนที่ครู จัดให้เป็นสิ่งสำคัญต่อผลสัม ...
การสอนคณิตศาสตร์ (3R)
คณิตศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่เรามีเทคนิคดีๆ มาเป็นตัวช่วยในการสอน คณิตศาสตร์ของเราก็จะเป็นเรื่องง่าย ไม่น่าเบื่ ...